สาธารณสุขร้อยเอ็ด เผยปีนี้หนาวจัดและหนาวนาน
นายแพทย์ภาสกร ไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน และหลังจากน้ำลด ก็เป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาวพอดี ซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์เอาไว้ว่า หน้าหนาวปีนี้ประเทศไทยจะมีอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปี และจะหนาวนานกว่าทุกปี นอกจากปัจจัยจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากกว่าปกติแล้วยังมีปัจจัยทางด้านอื่นๆที่อาจ ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคภัยและโรคแทรกซ้อนต่างๆได้ง่าย จากสภาพแวดล้อมที่มีเศษขยะและสิ่งปฏิกูลตกค้างหลังน้ำท่วม จนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคต่างๆ รวมทั้งสถานพยาบาลในบางแห่ง ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมด้วย ดังนั้น หลายปัจจัยที่ทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและการเกิดโรคต่างๆได้ง่าย
แนะต้องจริงจังที่จะดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะ กลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ โรคไต และโรคโลหิตจาง ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย และเมื่อป่วยจะมีอาการรุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ควรมีการดูแลสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ ด้วยการรักษาความอบอุ่นของร่างกาย สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ โดยเฉพาะในเด็กที่สภาพร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามสภาพอากาศ ให้ใส่ถุงเท้า หมวกไหมพรม หากไม่มีให้ใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้นและห่มผ้าให้หนามากกว่าปกติ รวมทั้งต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ประเภทแป้งและไขมันเพื่อช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย ใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำและเครื่องดื่มอุ่นๆที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นแล้วยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายด้วย
ย้ำ ระวัง 6 โรคที่พบบ่อยในช่วงหนาว ได้แก่ โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคสุกใส และโรคอุจจาระร่วง รวมถึงโรคที่เกิดจากสภาพอากาศที่แห้ง เช่น โรคผิวหนัง และการเสียชีวิตของผู้สูงอายุด้วยภัยหนาว ที่สำคัญประชาชนควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การดื่มสุรา ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้วยังมีผลเสียทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ ควรหลีกเลี่ยงการผิงไฟในเต็นท์ เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับสารพิษจากควันไฟเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ หลีกเลี่ยงการนำเด็กไปใกล้บริเวณที่มีการก่อกองไฟ เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุ ทางเดินหายใจของเด็ก ไม่ควรนอนในที่โล่งแจ้ง ลมโกรก โดยไม่มีเครื่องป้องกันให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เพราะจะมีโอกาสได้รับเชื้อโรคได้ง่าย ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใส่ใจในการป้องกันร่างกาย เช่น การล้างมือบ่อยๆ การสวมหน้ากากอนามัย เป็นต้น.
บทความโดย
พิมลสิริ มณีฉาย
ที่มา
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข |