อ้างอิงจากคำแนะนำจากการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 1/2565 วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565
ผ่านมติที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565
1. ให้สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ด้วยวัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 1 และวัคซีน Viral vector เป็นเข็มที่ 2 ได้ โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
2. ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิด19 สามารถรับวัคซีนตามหลักการเดียวกับผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
3. เพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็มมาแล้ว สามารถรับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มกระตุ้นได้
4. กรณีผู้ที่อายุ 12 - 17 ปี ที่ได้รับวัคชีน Sinopharm 2 เข็มมาแล้ว (คณะอนุกรรมการฯ ยังไม่ได้แนะนำให้ฉีดในขณะนี้) สามารถรับวัคซีน Pfizer เป็นเข็มกระตุ้นได้ ภายหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป
5. เห็นชอบในหลักการให้วัคซีน Sinovac ในผู้ที่มีอายุ 3-17 ปี (ขณะนี้รอการขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการ
อาหารและยา) ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะแจ้งแนวทางการให้วัคซีน Sinovac ในเด็ก เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว
วัคซีนโควิด19 ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพมากมาย หลังจากนั้นจะมีการเฝ้าติดตามผลอย่างใกล้ชิด
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
2 กุมภาพันธ์ 2565
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูล COVID-19
ทองสุข โพนเงิน บรรณาธิการข่าว
https://www.facebook.com/photo/?fbid=462641455327560&set=a.105584184366624
|