ประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด
เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-19 (เพิ่มเติม)
ตามที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ดถือปฏิบัตินั้น
เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีการแพร่ระบาดในหลายประเทศ ทั่วโลกทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งพบผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด พบมีรายงานผู้ป่วยยืนยันจำนวน 3 ราย ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563 ประกอบกับมีมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 และ วันที่ 24 มีนาคม 2563 แถลงการณ์ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ในการประชุมฯครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 จึงให้มีประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (เพิ่มเติม) ดังนี้
1. ห้ามบุคคลเดินทางเข้า-ออกในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เว้นแต่ต้องรับการรักษาพยาบาล การควบคุมป้องกันโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์ แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง การไปรษณีย์ อุปกรณ์เครื่องมือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น ยานพาหนะเพื่อการขนส่งยา อุปกรณ์วัสดุ เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการฉุกเฉินทางการแพทย์ กู้ชีพ กู้ภัยฉุกเฉิน รถพยาบาล ยานพาหนะเพื่อการขนส่งเงินของธนาคาร สถาบันการเงิน ยานพาหนะเพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรก่อสร้าง ชิ้นส่วนประกอบซ่อมบำรุง ยานพาหนะเพื่อขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์ หรือมีเหตุจำเป็นตามข้อ 2 และข้อ 3 ของประกาศฉบับนี้
2. เหตุความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ต้องบันทึกคำร้องขออนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ หรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายในท้องที่ที่ด่านตรวจคัดกรองตั้งอยู่ ทั้งนี้คำขออนุญาตให้เป็นไปตามแบบฟอร์ม 1 ท้ายประกาศฉบับนี้
3. กรณีข้าราชการ พนักงานราชการและลูกจ้างของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือพนักงานบริษัท หรือลูกจ้างของบริษัท ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนต้นสังกัด ออกหนังสือรับรองการปฏิบัติงานที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออก พร้อมบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงาน แสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อให้พิจารณาให้บุคคลเดินทางเข้า-ออกในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
4. กรณีมีหลักฐานเคยผ่านการกักตัว ณ สถานที่กักตัวที่รัฐบาลจัดให้ (State Quarantine) หรือผ่านการกักตัว ณ สถานที่ที่จังหวัดอื่น (Local Quarantine) มาแล้วให้นายอำเภอใช้มาตรการในการกักตัว ณ บ้านของตนตามภูมิลำเนาของบุคคลนั้น (Home Quarantine) หรือสถานที่อื่นที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ดกำหนด
5.ห้ามรถโดยสารสาธารณะ เดินทางเข้า-ออก ในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ดังนี้
(1) ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารระงับการเดินรถในเส้นทางหมวด 2 (กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด) และหมวด 3 (ระหว่างจังหวัด) ที่มีต้นทางหรือปลายทางในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
(2) ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ระงับการเดินทางเข้า ออกในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ ให้บุคคลที่ได้รับยกเว้นเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ภายใต้บังคับของข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) และ (ฉบับที่ 2) และต้องปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด โดยการอนุญาตให้บุคคลเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจัดทำบัญชีควบคุมการเดินทางเป็นประจำทุกวัน และส่งบัญชีควบคุมดังกล่าวให้นายอำเภอประจำท้องที่ที่จุดตรวจนั้นตั้งอยู่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
6.ห้ามขายสุราหรือเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 17:00 น.-22:00 น. (เฉพาะวันที่ 10 - 17 เมษายน 2563)
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ มีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.
ทั้งนี้ตั้งแต่ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563
ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด
ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดร้อยเอ็ด
ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดร้อยเอ็ด
|