คำแนะนำสำหรับประชาชนในการเดินทางเข้า-ออก
ประเทศไทย และประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
**********************************
1.ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศที่กำลังจะเดินทางไปอย่างใกล้ชิด รวมทั้งข้อปฏิบัติของแต่ละประเทศต่อผู้เดินทางมาจากประเทศไทย
2.ถ้าพบว่า ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศนั้น ควรงดเดินทางหรือเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
3.หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีความจำเป็นต้องเดินทาง ให้ปฏิบัติดังนี้ หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หากไป
ในที่ผู้คนอยู่หนาแน่นหรือโดยสารสาธารณะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วยด้วยไข้หวัดหรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ รับประทานอาหารปรุงสุกร้อนสะอาด หลีกเลี่ยงการไปท่องเที่ยวตลาด
ค้าสัตว์มีชีวิต
4.ระหว่างเดินทาง หากมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือและหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับบุคคลอื่น หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีการหอบเหนื่อย หายใจลำบากให้รีบไป
พบแพทย์และแจ้งสถานทูตไทยประจำประเทศนั้น
5.หลังการเดินทาง ขอให้ร่วมมือในการคัดกรองผู้เดินทางที่ด่านความคลุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและมาตรการการป้องกันควบคลุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งการคัดกรองที่ด่านฯ ถ้ามีอาการเจ็บป่วยจะต้องถูกส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลที่กำหนด
6.ในกรณีที่คัดกรองที่ด่านฯ พบว่าไม่มีอาการป่วย ขอความร่วมมือในการสังเกตอาการป่วยอยู่ที่บ้าน/ที่พักจนครบ 14 วัน โดยให้หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่หนาแน่นโดยไม่จำเป็น เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงเรียน รถไฟฟ้า เป็นต้น งดใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดตัวร่วมกับ
มีพฤติกรรมสุขภาพ เช่น หมั่นล้างมือ ไอจามปิดปากปิดจมูก
7.ภายใน 14 วัน หลังเดินทางกลับมาจากพื้นที่การระบาดต่อเนื่อง หากมีไข้ ร่วมกับ ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านพร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
8.หากไปพบแพทย์ และได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการในครั้งแรกไม่พบเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ถ้า
มีอาการป่วยมากขึ้นหรืออาการไม่ดีขึ้น ขอให้กลับไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้านอีกครั้ง
9.ติดตามข้อมูลทางการ จากเว็ปไซต์กระทรวงสาธารณสุข หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 1422
ศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563
|