 |
ระวังโรคอีสุกอีใส พบคนร้อยเอ็ดป่วย ห้าร้อยกว่าราย |
 |
| |
|
|
| |
นายแพทย์ภาสกร ไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า โรคอีสุกอีใสมักพบผู้ป่วยตลอดทั้งปี แต่มักจะพบการระบาดสูงในเดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม ในปีนี้ พบคนร้อยเอ็ดป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส ถึง 566 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุระหว่าง 5 12 ปี รองลงมาเป็นเด็กอายุ 1 - 4 ปี กลุ่มวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว พบรองลงมาตามลำดับ
นายแพทย์ภาสกร กล่าวว่า โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อด้วยการ ไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ตลอดจนการใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่นผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เด็กที่ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ส่วนผู้ใหญ่มักมีไข้สูง มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คล้ายไข้หวัด และมีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่มีไข้ ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน มีอาการคัน อีก 2-4 วันต่อมาก็จะตกสะเก็ด ผื่นจะขึ้นที่ไรผมก่อน แล้วกระจายไปทั่วตัว บางรายมีตุ่มในปาก ทำให้ปากลิ้นเปื่อย ผู้ใหญ่และวัยรุ่นจะมีอาการรุนแรงกว่าเด็ก อาการแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบนผิวหนัง ทำให้กลายเป็นหนองและมีแผลเป็นตามมา
โรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่หายเองได้ โดยอาจมีไข้เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายใน 1 3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ ควรอาบน้ำ และใช้สบู่ฆ่า-เชื้อ ฟอกผิวหนัง ให้สะอาดเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาตุ่ม ถ้ามีไข้สูงใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ แต่ห้ามใช้ยาแอสไพริน เพราะทำให้เกิดอาการทางสมอง และเสียชีวิตได้.
|
|
|
| |
|
|
| |
By : ประชาสัมพันธ์ (113.53.6.*) 11/03/2009 03:27 PM |
|
