นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจุดธูป ในวัด หรือในบ้าน เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งผู้ที่อยู่ในบริเวณภายในและภายนอกสถานที่นั้นๆ ได้ เพราะการจุดธูปจำนวนมาก ๆ แต่ละครั้ง ธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสารมลพิษออกมามากมาย สารที่เกิดขึ้นจากการจุดธูปเทียนมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น กาว สี น้ำหอมเคมีเมื่อจุดธูปจะทำให้เกิดคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหยง่าย รวมถึงสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด ได้แก่ สารในกลุ่ม PAH (Polycyclic aromatic hydrocarbon) เบนซินบิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน นอกจากนี้ ยังมีโครเมียม ตะกั่ว และนิกเกิล ส่วนขี้เถ้าที่เกิดจากการจุดธูปจะมีแมงกานีสเป็นส่วนใหญ่ การกำจัดหรือจัดการขี้เถ้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทิ้งลงในน้ำ อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำหรือดินได้ หากดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนแมงกานีสจะทำให้เกิดผลเสียต่อสมอง ซึ่งได้มีงานวิจัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์พบว่าการจุดธูปเพียง 3 ดอก ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเทียบเท่ากับการสูดควันรถบริเวณที่มีการจราจรคับคั่งอีก
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยต่อการได้รับสารต่างๆ จากการจุดธูป ทำได้ด้วยการใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะจุด เผา หรือต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นควันจำนวนมาก ใช้ธูปสั้นและขนาดเล็กแทนการใช้ธูปยาวและมีขนาดใหญ่เพื่อลดปริมาณควัน หากต้องจุดภายในบ้าน ควรเปิดประตู หน้าต่าง ให้มีการระบายควันออกไปนอกบ้าน หรือจุดในกระถางบรรจุทรายนอกบ้านในพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ หรือหลีกเลี่ยงไปใช้ธูปไฟฟ้าแทน
สำหรับในกลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง นับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อับทึบ ชื้น มีเชื้อรา หรือฝุ่นละออง ซึ่งสารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เด็กเกิดอาการแพ้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือสูดดมควันธูป หากไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพักผ่อนหรือนอนหลับบริเวณที่มีการจุดธูป และหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองจากควันธูปที่อาจตกค้างได้
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
28 พฤษภาคม 2561
ทองสุข โพนเงิน/ข่าว
|