นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่องค์การอนามัยโลกและองค์การควบคุมโรคระบาดสัตว์และ ๑๕๐ ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยร่วมรณรงค์เพื่อกำจัดโรคนี้ให้หมดไปภายในปี ๒๕๖๓ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ปีละ ๕๕,๐๐๐ ราย ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกาและเอเชีย สาเหตุเกิดจากการไม่ได้ควบคุมโรคในสุนัข และผู้เสียชีวิตไม่ได้เข้ารับการรักษาหลังสัมผัสโรค โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุด โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ เรบีส์ (Rabies) ทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเช่น สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว การติดต่อจากสัตว์สู่คน โรคนี้เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการทางประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลาง จะเสียชีวิตทุกราย ปัจจุบันยังไม่มียารักษา แต่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนทั้งในสุนัขและในคน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า คำแนะนำสำหรับเด็กๆที่จะเลี้ยงสุนัขและสัตว์เลี้ยงให้ปลอดภัยมีดังนี้
๑. ต้องปรึกษาคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองก่อนว่าจะเลี้ยงสัตว์ได้หรือไม่
๒. นำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปีๆละ ๒ ครั้งๆแรกควรฉีดตอนสุนัข อายุ ๒-๔ เดือน
๓. ไม่ปล่อยสุนัขเพ่นพ่านไปในที่สาธารณะ ทุกครั้งที่นำสุนัขออกไปเดินเล่นต้องมีสายจูง และคุมกำเนิดสุนัขทุกตัว
๔. หากต้องการเล่นกับสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองและล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง
๕. จำไว้เสมอว่า อย่าแหย่ให้สัตว์โมโห อย่าทำให้สัตว์ตกใจ อย่าเคลื่อนย้ายอาหารขณะสุนัขกำลังกิน อย่าเล่นกับสัตว์ที่ไม่รู้จักหรือไม่มีเจ้าของ
๖. ถ้าถูกสัตว์เลี้ยงทำร้ายหรือเกิดบาดแผลจากการเล่น ต้องรีบล้างด้วยสบู่และน้ำ เช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาทาแผลสดหรือไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
๗. ห้ามคลุกคลีหรือสัมผัสกับสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของตน เพราะไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยจากโรคและจากการทำร้าย
หากถูกสุนัข แมว กัด ข่วน หรือทำร้ายมีบาดแผลต้องรีบล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หลายๆครั้ง และจดจำสัตว์ที่กัดให้ได้เพื่อสืบหาเจ้าของและกักสัตว์ไว้ดูอาการ ๑๐ วัน เพื่อสอบถามประวัติการได้รับวัคซีน และควรไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อรับการวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าที่ถูกต้อง “เลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขกัด ถ้าถูกกัดหรือข่วน รีบล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ และฉีดวัคซีนให้ครบ”

ธัญชนก วงษ์หาญ/ภาพและข่าว
ทองสุข โพนเงิน/หัวหน้าฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์