|
สสจ.ร้อยเอ็ด เร่งค้นหาผู้ป่วยวัณโรคหยุดการแพร่เชื้อ
แนะผู้มีอาการไอเกิน 2 อาทิตย์ รีบตรวจ
นายแพทย์ภาสกร ไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ป่วยวัณโรคของจังหวัดร้อยเอ็ด จะพบผู้ป่วยปีละ 1800 ราย ในปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยเสมหะบวก 834 ราย สามารถรักษาให้หายขาดถึง ร้อยละ 85 แต่พบผู้ป่วยขาดยา และผู้ป่วยเสมหะบวกที่ยังไม่ได้รับการรักษาแฝงอยู่ในกลุ่มต่างๆ วัณโรคสามารถแพร่กระจายในชุมชนได้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ทำโครงการรณรงค์ควบคุมโรค โดยทำการรณรงค์ตรวจค้นหาผู้ป่วยวัณโรค ในกลุ่มต่างๆ เช่น ประชาชนทั่วไป ผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านผู้ป่วยเสมหะบวก ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิต และผู้ป่วยเอดส์ บุคลากรผู้ปฏิบัติงานและผู้ต้องขังในเรือนจำ บุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรสาธารณะ นักเรียนในโรงเรียนประจำหรือสถานศึกษาพิเศษ
จากการรณรงค์ค้นหาผู้ป่วย พบผู้ป่วยวัณโรคมากที่สุด คือ ผู้ป่วยที่มารับบริการผู้ป่วยนอก (โดยจะตรวจเสมหะในกลุ่มผู้มีอาการสงสัยที่มาตรวจรักษาโรคทั่วไปที่แผนกผู้ป่วยนอก) ถึงร้อยละ 5.93 รองลงมา คือ ผู้ติดเชื้อ เอช ไอ วี และ ผู้ป่วยเอดส์ ร้อยละ 5.47 กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังในคลินิกเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ร้อยละ 2.19 พบผู้ป่วยในชุมชนแออัด ร้อยละ 2.11 และผู้อยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค ร้อยละ 2.09
นายแพทย์ภาสกร กล่าวว่า ปัจจุบันวัณโรครักษาหายขาดได้ โดยการกินยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ใช้เวลารักษาเพียง 6 - 8 เดือน แต่การรักษาวัณโรคจะต้องมีคนคอยดูแลการกินยาอย่างต่อเนื่อง และให้กำลังใจ เพราะถ้ากินยาไม่ต่อเนื่อง ขาดยา จะเกิดเชื้อดื้อยา รักษายาก จนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเร็วขึ้น ดังนั้น ผู้ที่เริ่มมีอาการให้รีบไปตรวจรักษา จะมีโอกาสรักษาหายขาด คือ ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ / ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะปนเลือด / เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ / มีไข้ต่ำๆ ตอนบ่ายหรือค่ำ / เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และอ่อนเพลีย ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านท่าน
วัณโรคเป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เชื้อจะอยู่ในเสมหะ จะแพร่กระจาย
โดยการพูด คุย ไอ จาม โดยไม่ปิดปาก เชื้อจะปะปนอยู่ในอากาศผู้ที่สูดเอาเชื้อวัณโรคเข้า สู่ร่างกาย ทำให้มีโอกาสติดเชื้อ และป่วยเป็นวัณโรคได้ และจะเป็นโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และผู้สูงอายุ
|
|
|