นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์โรคสุกใสของจังหวัดร้อยเอ็ด ปี ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ มีรายงานผู้ป่วยสุกใส จำนวน ๑๙๑ ราย อัตราป่วย ๑๔.๖๐ ต่อแสนประชากร ซึ่งโรคสุกใสพบการระบาดในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี กลุ่มที่พบมากคือกลุ่มอายุ ๕-๙ ปี กลุ่มอายุ ๑๐-๑๔ ปี และกลุ่มอายุ ๐-๔ ปี ส่วนใหญ่พบการระบาดในศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนประถมศึกษา ปีนี้พบผู้ป่วยอำเภอเมืองร้อยเอ็ดสูงสุด จำนวน ๒๖ ราย รองลงมาอำเภอโพนทองจำนวน ๒๐ ราย อำเภอธวัชบุรี ๑๙ ราย เสลภูมิ ๑๗ ราย อาจสามารถ ๑๖ ราย หนองพอก ๑๔ ราย ทุ่งเขาหลวงและจตุรพักตรพิมาน ๑๓ ราย โพธิ์ชัยและจังหาร ๙ ราย เกษตรวิสัย ๗ ราย
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า โรคสุกใสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อโดยการหายใจเอาละอองเสมหะน้ำมูกน้ำลายหรือโดยการสัมผัสกับตุ่มหนองผู้ป่วยและใช้ของร่วมกัน เกิดการระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะอยู่ในสถานที่แออัดเช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล ศูนย์เด็กเล็ก อาการของโรคในระยะแรก มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีผื่นขึ้นตามตัว ใบหน้า ศีรษะ ต่อมาผื่นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ มีอาการคัน ฐานรอบตุ่มมีสีแดง และตกสะเก็ดภายใน ๒-๓ วัน ระยะฟักตัวประมาณ ๑๐-๒๑ วัน ระยะแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ ตั้งแต่ ๒ วัน ก่อนมีผื่นขึ้น จนกระทั่งถึง ๖ วันหลังผื่นขึ้น
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคสุกใสทำได้ดังนี้
๑.ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ ในการป้องกันและควบคุมโรคในชุมชน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โดยแยกผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน
๒.ประสานงานกับศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน คัดกรองเด็กนักเรียนทุกวัน หากพบเด็กป่วยให้หยุดเรียนจนกว่าจะหาย
๓.เฝ้าระวังและตรวจจับการระบาดโดยเครือข่าย SRRT ระดับตำบล หากพบการระบาดให้ออกดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคโดยทันที โดยใช้หลัก รู้เร็ว แจ้งเร็ว ควบคุมเร็ว
ธัญชนก วงษ์หาญ/ภาพและข่าว
ทองสุข โพนเงิน/หัวหน้าฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ |