นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า การจุดธูปไหว้เจ้าตรุษจีนระวังควันพิษ อันตรายพบสารก่อมะเร็งในธูปซึ่งพิษจากควันธูปที่สำคัญ 3 ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ได้แก่ 1.สารเบนโซเอไพรีน มีศักยภาพก่อมะเร็งสูงที่สุด มีความสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ผิวหนัง และกระเพาะปัสสาวะ 2.สารเบนซีน สัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว 3.สารบิวทาไดอีน สัมพันธ์กับมะเร็งระบบเลือด โดยนักวิจัยไทยพบสารเบนโซเอไพรีนในสถานที่ที่มีการจุดธูปต่อเนื่องสูงกว่าที่ไม่จุดธูปถึง 63 เท่า และระบุว่าคนทำงานในวัดมีสารก่อมะเร็งอยู่ในเลือดและปัสสาวะสูงกว่าคนไม่ได้ทำงานในวัดถึง 4 เท่า แต่ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเนื่องจากควันธูป เพียงแต่พบหลักฐานว่าควันธูปมีสารชักนำให้เกิดโรคมะเร็งได้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การวิจัยเป็นเวลากว่า 12 ปีในชาวจีนที่อาศัยในสิงคโปร์ จำนวนกว่า 61,000 คน ในผู้ที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ แต่ได้รับควันธูปพอๆกัน พบว่า ผู้ที่มีการใช้ธูปทั้งวันทั้งคืนจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ใช้เลย จากสถิติการรักษาหญิงไทยที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด พบว่า กว่าร้อยละ 50 ไม่สูบบุหรี่หรือไม่อยู่ใกล้ชิดผู้สูบบุหรี่ ไม่มีการได้รับสารก่อมะเร็งจากการทำงาน แพทย์คาดว่าน่าจะมีสาเหตุก่อมะเร็งอื่นๆที่ไม่ใช่บุหรี่ และควันธูปอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ระยะเวลาที่จะส่งผลให้เป็นมะเร็งนั้นต้องสะสมเป็นสิบๆ ปีเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า การจุดธูปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อให้เกิดความสุขทางจิตใจ แต่เพื่อให้ห่างไกลจากโรคและภัยสุขภาพ ควรปฏิบัติดังนี้ 1.การจุดธูปในบ้าน ที่ทำงาน หรือศาสนสถาน ควรหลีกเลี่ยงการจุดธูปในบริเวณอากาศไม่ถ่ายเท หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้องแอร์ ห้องที่ไม่มีประตู หน้าต่าง กระถางธูปควรตั้งไว้นอกศาลาหรือศาลเจ้าซึ่งมีอากาศถ่ายเทสะดวก 2.ควรใช้ธูปสั้น 3.เมื่อเสร็จพิธีควรดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้น 4.ผู้ที่ปฏิบัติงานในศาสนสถานควรหลีกเลี่ยงการสูดดมเป็นเวลานานควรใช้ถุงมือจับ ล้างมือ ล้างหน้าให้บ่อยขึ้น และตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีอย่างต่อเนื่องทุกปี
ธัญชนก วงษ์หาญ/ข่าว
ทองสุข โพนเงิน/หัวหน้าฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ |