นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคมะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการป่วยและตายอันดับ ๑ ของสตรีไทย ข้อมูลเมื่อปี ๒๕๕๓ พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ ๑๓,๑๘๔ ราย เสียชีวิต ๔,๖๖๕ ราย หรือทุก ๒ ชั่วโมง พบว่าสตรีไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม ๑ คน และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ช้ามักจะมาเมื่อมีอาการลุกลามและเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค้นหาโรคให้พบได้เร็ว เพื่อจะทำการรักษาได้ทันเวลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดจึงรณรงค์ให้สตรีจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนที่มีอายุ ตั้งแต่ ๓๐ ๗๐ ปี ตรวจเต้านมตนเองทุกเดือน เพื่อค้นหามะเร็งเต้านมในระยะแรก โดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่สตรีจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้ดำเนินงานโครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่า ต้านภัยมะเร็งเต้านม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ เป็นต้นมา โดยนำร่อง ๒ อำเภอ คืออำเภอเมืองร้อยเอ็ดและอำเภอเชียงขวัญ ซึ่งผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก เพื่อให้สตรีกลุ่มเป้าหมายได้รับการบริการครอบคลุมมากขึ้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดจึงรณรงค์ให้ทุกอำเภอเข้าร่วม โครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่า ต้านภัยมะเร็งเต้านม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าสตรีจังหวัดร้อยเอ็ดจะได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเองคิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของสตรีร้อยเอ็ด จำนวน ๒๒๑,๔๘๙ คน ก่อนที่จะถึงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยเริ่มปฐมฤกษ์เปิดตัวโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในสตรีร้อยเอ็ด โดยบูรณาการเข้ากับโครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ นี้ ณ โรงเรียนบ้านหนองยาง หมู่ ๔ ตำบลหนองยาง อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า สตรีที่อายุ ๒๐ ปี ขึ้นไปทุกคนจะต้องหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง โดยใช้สามนิ้วคือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง คลำวนรอบเต้านมและรักแร้ โดยกดเบาๆเพื่อค้นหาก้อนหรือความผิดปกติ หลังหมดประจำเดือนไปแล้วประมาณ ๓ - ๗ วัน สำหรับสตรีที่หมดประจำเดือนแล้วก็ต้องตรวจเช่นกันโดยกำหนดเอาวันที่เท่าไหร่ก็ได้เมื่อครบรอบ ๑ เดือนก็ตรวจทุกครั้ง หากพบความผิดปกติของเต้านมเช่นคลำพบก้อน เต้านมบวมแดง มีรอยบุ๋ม นูน ย่น หัวนมมีลักษณะดึงรั้ง มีเลือดออก และมีขนาดเปลี่ยนแปลง ต้องรีบพบแพทย์ทันที หากพบความผิดปกติในระยะแรก แพทย์สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้
ธัญชนก วงษ์หาญ/ภาพและข่าว
ทองสุข โพนเงิน/หัวหน้าฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ |