นายแพทย์วัชระ เอี่ยมรัศมีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ ๓ ถึง ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โรงพยาบาลร้อยเอ็ด โรงพยาบาลจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลพนมไพร ได้ร่วมกันจัดทำโครงการพระกรุณาธิคุณเฝ้าระวังโรคมะเร็ง ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี สำหรับประชาชนอำเภอพนมไพรและหนองฮี ได้เริ่มทำการคัดกรองประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๕๐ ถึง ๕๙ ปี ทั้ง ๒ อำเภอ เพื่อค้นหาโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีตามโครงการดังกล่าว ได้ระดมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง /บุคลากรสาธารณสุข /จิตอาสา เป้าหมายในการคัดกรองครั้งนี้จำนวนหนึ่งพันคน
โครงการพระกรุณาธิคุณเฝ้าระวังโรคมะเร็งในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี สำหรับประชาชนอำเภอพนมไพรและหนองฮี เป็นโครงการที่ตรวจคัดกรองและค้นหาโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี มีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งและโรคอื่นๆในประชากร ทำการตรวจคัดกรอง ๙ ขั้นตอนดังนี้ ๑. รับฟังรายละเอียดของโครงการ ๒.ให้คำยินยอมเข้าร่วมโครงการ ๓. ลงทะเบียน ๔. เก็บตัวอย่างชีวะวัตถุ เช่นเลือด ปัสสาวะ
๕. ตรวจร่างกาย ๖. รับการสัมภาษณ์ ๗. ตรวจอัลตร้าซาวด์ ๘. ตรวจเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ ๙. ตรวจความเรียบร้อย และนัดติดตามผล ซึ่งผู้ที่มาทำการคัดกรองทั้งหมดจะได้รับการบริการแบบเดียวกันทุกคน จากนั้นอีก ๑ เดือนนัดฟังผล หากพบว่าเป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาตามขั้นตอน หรือพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะทำการนัดและติดตามผลเป็นระยะ ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ต้องได้รับการตรวจคัดกรองทุกคน เป็นโครงการดูแลและรักษาระยะยาว พร้อมทั้งมีการศึกษาวิจัยร่วมด้วย
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวว่า พี่น้องประชาชนทั้งสองอำเภอต่างก็รู้สึกยินดี สอบถามญาติผู้ที่ได้รับการคัดกรองแล้วพบโรคมะเร็งและได้รับการรักษาแล้วบอกว่า ชาวจังหวัดร้อยเอ็ดนับว่าโชคดีมากที่มีโครงการนี้เกิดขึ้น เพราะคนไข้รู้สึกอบอุ่นใจ ทีมแพทย์มีความเชี่ยวชาญ เอาใจใส่และดูแลดีมาก การรักษาค่อนข้างรวดเร็วไม่ล่าช้า ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เสียอะไรเพราะรักษาตามสิทธิ์ ขอขอบพระคุณโครงการนี้และทีมงานทั้งหมด อย่างไรก็ตามการป้องกันโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีที่ได้ผลดีที่สุดคือการไม่กินปลาดิบ โดยเฉพาะปลาร้าดิบควรเลิกกินเสีย หากจะกินต้องปรุงให้สุกก่อน และอาหารทุกอย่างหากปรุงสุกแล้วก็แซ่บได้.
ธัญชนก วงษ์หาญ/ภาพและข่าว
สุขสันต์ อินทรวิเชียร หัวหน้าฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ |