|
เด็กร้อยเอ็ดเป็น โรคอุปทาน หลังฉีดวัคซีน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้ออกไปให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน คอตีบ และ บาดทะยัก (เป็นวัคซีนขั้นพื้นฐานที่เด็กต้องได้รับตามกระทรวงสาธารณสุขกำหนด) ให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 6 ห้อง รวม 248 คน เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนเมื่อเวลา 11.00 น. โดยนักเรียนจะเข้าแถวฉีดวัคซีนที่ละห้อง ไม่มีอาการผิดปกติหลังฉีดวัคซีน จนมาถึงห้องสุดท้าย ป.6/4หลังได้รับวัคซีนไป 5 นาที มีนักเรียนหญิงสองรายมีอาการปวดต้นแขนมาก ต่อมามีอาการปวด ศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ เดินเซ จากนั้นได้มีนักเรียนหญิง ป. 6/3 จำนวน 3 คน เริ่มมีอาการเช่นเดียวกัน ส่วนนักเรียน 1 ราย มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม หน้าซีด ครูจึงได้แจ้งให้นักเรียนที่มีอาการผิดปกติหลังได้รับวัคซีนมารวมกันที่หน้าห้องธุรการ พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 31 คน จากนั้นได้นำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กุมารแพทย์ได้ตรวจคัดกรองเบื้องต้น พบเด็กที่ต้องรับไว้สังเกตอาการ 11 คน ที่เหลือ 20 คน ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ เช่น บริเวณที่ฉีดวัคซีนไม่มีบวมแดง ไม่มีไข้ แพทย์ได้ให้คำแนะนำแก่นักเรียนและครู แล้วจึงให้กับบ้าน ส่วนเด็กนักเรียนอีก 11 คน หลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ประมาณ 30 นาที อาการดีขึ้น จิตแพทย์ได้มาพูดคุยกับเด็ก จิตแพทย์จึงให้ความเห็นว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอุปทานหมู่
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคอุปทาน เป็นโรคที่อาศัยการเกิดอารมณ์ร่วมกัน เช่น ความหวาดกลัวในบางเรื่อง ความเครียด ทำให้เกิดอาการทางกาย และเพื่อนอื่นๆก็เป็นตาม มักพบในคนที่อารมณ์ไม่หนักแน่น อ่อนไหว ขี้กังวล เป็นคนที่ค่อนข้างต้องการการดูแลเอาใจใส่ และความรักจากคนอื่น ส่วนเรื่องวัคซีนที่นำไปใช้เจ้าหน้าได้เบิกจากคลังยา โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จำนวน 40 ขวด ผลิตเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 วันหมดอายุ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 การจัดเก็บและนำไปใช้เป็นไปตามระบบลูกโซ่ความเย็น จึงไม่พบปัญหาเกี่ยวกับวัคซีนที่นำไปใช้.
|
|
|